วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สถาปัตยกรรม

          ARM ทำการออกแบบ CPU โดยใช้สถาปัตยกรรม RISC เป็นหลักด้วยความที่ ARM CPU เป็น CPU ที่กินไฟน้อย จึงทำให้มันโด่งดังในตลาดอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆARM CPU นั้นถูกพัฒนาโดยบริษัทชื่อว่า ARM (บริษัทแม่อยู่ที่อังกฤษ) ที่ทำการพัฒนาและออกแบบ CPU อย่างเดียว  ไม่ได้ทำการผลิตเอง แต่จะถ่ายทอดสถาปัตยกรรม ARM CPU และขายใบอนุญาติใช้สิทธิบัตรไปยังบริษัทอื่นๆ  เช่น Apple, Intel, LG, Marvell Technology Group, Microsoft, Nintendo, Nvidia, Sony, NXP, Qualcomm, Samsung, Sharp, Texas Instrument


สถาปัตยกรรม

            X86 เป็นชื่อของสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์สำหรับไมโครโปรเซสเซอร์ (CPU)  ของIntel ตั้งแต่ปี 1980 เหตุที่เรียกว่า X86 ก็เพราะชื่อเรียกของไมโครโปรเซสเซอร์ยุคอดีตกาลหลายๆตัวนั้นลงท้ายด้วย”86”ได้แก่ 8086 ,80186 ,80286,386,486แต่ชื่อที่เป็นตัวเลขแบบนี้ไม่สามารถนำไปใช้จดเครื่องหมายการค้าได้ไมโครโปรเซสเซอร์ 80586 จึงได้ใช้ชื่อว่า”Pentium”
ดังนั้น “สถาปัตยกรรมX86” ก็คือ ชื่อเรียกวิธีการออกแบบCPUแบบหนึ่งที่นิยมใช้กันแพร่หลายนั่นเอง

สถาปัตยกรรม

•CISC ย่อมาจาก Complex Instruction Set Computer คือ CPU ที่เวลาเราป้อนคำสั่งไป 1 คำสั่ง มันสามารถทำงานได้หลายอย่าง ตัวอย่าง CPU ที่เป็นแบบ CISC ก็คือ CPU ของ Intel ทั้งหมดที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ x86
•RISC คือ Reduced Instruction Set Computer เป็น CPU ที่เกิดขึ้นภายหลัง โดยการออกแบบนั้นจะเน้นที่การลดจำนวนชุดคำสั่งลง คำสั่งแต่ละคำสั่งทำงานได้ 1 อย่างเท่านั้น  CPU แบบ RISC สามารถออกแบบได้ง่ายขึ้น  เลยเป็นผลทำให้  RISC กินไฟน้อยและมีขนาดเล็ก

กำเนิด CPU

          คอมมพิวเตอร์นั้นมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมาก ตั้งแต่ยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา มนุษย์เรามีความพยายามที่จะคิดค้นเครื่องมือให้มาช่วยในการคำนวณและการนับ ตั้งแต่เริ่มต้นใช้นิ้วมือนับ จนมาใช้ก้อนกรวด หิน มนุษย์จึงคิดค้นวิธีการที่ง่ายกว่านี้ จนกลายมาเป็นกลไกที่ใช้ในการคอมมพิวเตอร์นั้นมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมาก ตั้งแต่ยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา มนุษย์เรามีความพยายามที่จะคิดค้นเครื่องมือให้มาช่วยในการคำนวณและการนับ ตั้งแต่เริ่มต้นใช้นิ้วมือนับ จนมาใช้ก้อนกรวด หิน มนุษย์จึงคิดค้นวิธีการที่ง่ายกว่านี้ จนกลายมาเป็นกลไกที่ใช้ในการคำนวณ จนวิวัฒนาการมาเป็นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 4 ยุค ดังนี้คอมมพิวเตอร์นั้นมีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมาก ตั้งแต่ยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา มนุษย์เรามีความพยายามที่จะคิดค้นเครื่องมือให้มาช่วยในการคำนวณและการนับ ตั้งแต่เริ่มต้นใช้นิ้วมือนับ จนมาใช้ก้อนกรวด หิน มนุษย์จึงคิดค้นวิธีการที่ง่ายกว่านี้ จนกลายมาเป็นกลไกที่ใช้ในการคำนวณ จนวิวัฒนาการมาเป็นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 4 ยุค ดังนี้จนวิวัฒนาการมาเป็นคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 4 ยุค ดังนี้

ยุคก่อนเครื่องจักรกล (Premachanical) (พ.ศ. 2497-2501) คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสุญญากาศ (Vacuum tube) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยังมีขนาดใหญ่มาก ใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้เครื่องมีความร้อนสูงจึงมักเกิดข้อผิดพลาดง่าย คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่ UNIVAC I , IBM 600
ยุคเครื่องจักรกล (Mechanical) (พ.ศ. 2502-2507) คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กกว่ายุคแรก ต้นทุนต่ำกว่า ใช้กระแสไฟฟ้าน้อยกว่า และมีความแม่นยำ
ยุคเครื่องจักกลไฟฟ้า (Electromechanical) (พ.ศ. 2508-2513) คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นสารกึ่งตัวนำที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะไว้แล้วพิมพ์บนแผ่นซิลิกอน (Silicon) เรียกว่า "ชิป"
ยุคอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic) (พ.ศ. 2514-2523) คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร LSI (Large-Scale Integrated Circuit) เป็นการรวมวงจรไอซีจำนวนมากลงในแผ่นซิลิกอนชิป 1 แผ่น สามารถบรรจุได้มากกว่า 1 ล้านวงจร ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้เกิดแนวคิดในการบรรจุวงจรที่สำคัญสำหรับการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์นั่นคือ CPU ลงชิปตัวเดียว เรียกว่า "ไมโครโปรเซสเซอร์"

CPU

           หน่วยประมวลผลกลาง ( central processing unit) หรือย่อว่า ซีพียู (CPU) เป็นวงจรอิเลคทรอนิกส์ที่ทำงาน หรือประมวลผล ตามชุดของคำสั่งเครื่องจากซอฟต์แวร์ คำนี้เริ่มใช้ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ต้นศตวรรษ 1960s หน่วยประมวลผลเปรียบเสมือนเป็นสมองของคอมพิวเตอร์ ในการทำหน้าที่ตัดสินใจหรือคำนวณ จากคำสั่งที่ได้รับมา เช่น การเปรียบเทียบ การกระทำการทางคณิตศาสตร์ ฯลฯ